วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

สอบซ่อม

บทที่ 1 องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์

1.คอมพิวเตอร์หมายถึงอะไร
 ตอบ เครื่องจักรกลที่มนุษย์ทำขึ้นมาเพื่อให้ผ่อนแรงกาย และกำลังสมอง
2.MATNFRAME COMPTER หมายความว่าอย่างไร
ตอบ เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ เก็บบันทึกข้อมูลได้เป็นจำนวนมาก และประมวลผลได้รวดเร็ว

3.MINI COMPUTER หมายความว่าอย่างไร
ตอบ เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดรองลงมาจากMAINFRAME

4.MICRO COMPUTER มีความหมายว่าอย่างไร
ตอบ คอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กเหมาะสมกับการใช้งานทั่วๆไป
5.ระบบคอมพิวเตอร์(COMPUTER SYSTEM)ประกอบด้วยองค์ประกอบกี่อย่าง

ตอบ  3 อย่าง
6.หน่วยควบคุมมีหน้าที่อะไร
ตอบ ควบคุมการทำงานทั้งหมด ควบคุมการทำงานของหน่วยคำนวณและตรรก
7.หน่วยคำนวณและตรรก มีชื่อย่อว่าอะไร
ตอบ  ALU
8.ชื่อย่อของหน่วยประมวลผลกลางมีว่าอย่างไร
ตอบ  CPU
9.หน่วยความจำสำรอง หมายถึงอะไร
ตอบ หน่วยความจำภายนอกเครื่องคอมพิวเตอร์

10.หน่วยความจำ(MEMORY UNIT)มีกี่อย่าง
ตอบ  2 อย่าง


____________________________________________________________________________

บทที่ 2   หลักการทำงานของคอมพิวเตอร์

1.คอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็นกี่ชนิด
ตอบ 2 ชนิด
2. เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีใช้อยู่ตามโรงเรียนและทั่วๆ ไปเรียกว่า คอมพิวเตอร์ ชนิดใด
ตอบ เมนเฟรม
3.หลักการทำงานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์จะทำงานด้วยระบบใดต่อไปนี้
ตอบ   ระบบไดเร็ก
4.หลักการทำงานของคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยส่วนประกอบ กี่ส่วนอะไรบ้าง
ตอบ 3 ส่วน (ซอฟต์แวร์, ประมวลผล, หน่วยแสดงผล)
5.ในกรณีที่มีข้อมูลเป็นภาพถ่ายจะนำเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์โดยวิธีใด
ตอบ  สแกนเนอร์
6.ซอฟต์แวร์ แบ่งออกเป็นกี่ชนิด
ตอบ 2 ชนิด ซอฟต์แวร์ระบบ และซอฟต์แวร์วินโดว์
7.ข้อใดคือ ซอฟต์แวร์ระบบ
ตอบ โปรแกรม ไมโครซอฟต์เวิลด์
8.ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการพิมพ์เอกสารเรียกว่าซอฟต์แวร์ชนิดใด
ตอบ ซอฟต์แวร์ประยุกต์
9.เมื่อเปิดเครื่องซอฟต์แวร์ใดจะทำงานก่อน
ตอบ โปรแกรม อินเทอร์เน็ต
10.ซอฟต์แวร์ชนิดใดทำงานเฉพาะอย่าง
ตอบ ซอฟต์แวร์ประยุกต์

_____________________________________________________________________

บทที่ 3  โปรแกรมระบบปฏิบัติการ


1.ความหมายของระบบปฏิบัติการ คือ

ตอบ โปรแกรมที่ทำหน้าที่ในการจัดการระบบ

2.ข้อดีของระบบปฏิบัติการ DOS คือข้อใด

ตอบ ใช้ทรัพยากรน้อย

3.ข้อใดไม่ใช่หน้าที่ของโปรแกรมระบบปฏิบัติการ

ตอบ เป็นตัวกลางระหว่างเครื่องกับผู้ใช้

4.ข้อเสียของระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 95 คือข้อใด

ตอบ ทำงานระบบ Plug and Play

5.ระบบปฏิบัติการใดน่าจะมีความเหมาะสมในยุคปัจจุบัน( พ.ศ.2547) มากที่สุด

ตอบ Windows98

6.วินโดวส์95 ต่างจากวินโดวส์98 อย่างไร

ตอบ ติดต่อกับผู้ใช้ด้วยระบบ GUI

7.ระบบปฏิบัติการที่เหมาะสมกับคอมพิวเตอร์เมนเฟรมและการติดต่อสื่อสารระยะไกลคือข้อใด

ตอบ MAC

8.ระบบปฏิบัติการที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้คอมพิวเตอร์แบบพกพาคือข้อใด้

ตอบ SOlaris

9.ระบบปฏิบัติการที่ถูกบรรจุในหน่วยความจำรอมคือข้อใด

ตอบ Windows CE

10.ระบบปฏิบัติการประเภท Open Source คือข้อใด

ตอบ  Linux

_____________________________________________________________________________________


บทที่ 4  ระบบปฏิบัติการ Windows 7

1.การคลิกเมาส์หรือขวา (Right  Click)มีจุดประสงค์เพื่ออะไร
ตอบ      เพื่อแสดงรายการเมนูให้เลือก
2. ข้อใดต่อไปนี้ที่ ไม่ใช่ ส่วนประกอบของหน้าจอ Windows  XP
ตอบ     Desktop

3.ไอคอน  My Computer  มีหน้าที่อย่างไรบ้าง
ตอบ     เก็บเอกสารที่เราสร้างขึ้นของทุก ๆ โปรแกรม

4. ไอคอน  My  Network Places  มีหน้าที่อย่างไรบ้าง
ตอบ    แสดงทรัพยากรในเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งหมด

5. ไอคอน My Documents มีหน้าที่อย่างไรบ้าง
ตอบ    แสดงทรัพยากรในเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งหมด

 6. ปุ่ม Minimize ของ Windows  ทำหน้าที่ใด
ตอบ       ย่อหน้าต่างให้เล็กลง

7. สัญญาลักษณ์  ที่รายการคำสั่งมีความหมายว่าอย่างไร

ตอบ    เป็นคำสั่งที่เมื่อเลือกแล้วจะแสดงกรอบโต้ตอบให้เลือกคำสั่งให้เพิ่ง

8.ถ้าต้องการเรียกใช้คู่มือการใช้งานของ Windows XP จะต้องกดครีย์ลัดใด
ตอบ     F3

9.เมื่อต้องการออกจากโปรแกรมใช้งาน Windows  XP  จะต้องเลือกคำสั่งใด
ตอบ       คลิกปุ่ม Start             เลือกคำสั่ง Log Off

10. ถ้าต้องการหยุดการทำงานเครื่องคอมพิวเตอร์ไว้ชั่วคราวจะต้องเลือกคำสั่งใด

ตอบ  Turn  Off


______________________________________________________________________________


บทที่  5  User  Account







1. User Interface หมายถึงอะไร? ตอบUser Interface 2 ตอบOLE (Object Linking and Embedding) 3. จุดประสงค์ของการพัฒนาโปรแกรมภาษา BASIC คืออะไร? ตอบเพื่อให้บุคคลทั่วไปที่ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ สามารถใช้ได้อย่างง่ายๆ4. จุดเด่น และจุดด้อย ของโปรแกรม Visual Basic คืออะไร? ตอบ
2) เป็นภาษาที่ง่ายต่อการเรียนรู้
3) มีเครื่องมืออำนวยความสะดวกในการเขียนโปรแกรม ไม่ว่าจะเป็น Object และ Control ต่างๆ
4) สามารถสร้าง Application ที่ใช้งานกับฐานข้อมูลได้
5) เป็น Application แบบ Internet6) เป็นการเขียนโปรแกรมแบบ Event - Driven
จุดเด่น
2) ทำงานได้ช้ากว่าภาษา C++ และ Pascalจุดด้อย3) ทำงานได้เฉพาะในระบบปฏิบัติการ Windows บนเครื่อง PC5. ตัวแปรแต่ละประเภทต่อไปนี้ เก็บค่าตัวเลขอะไรไม่ได้?
Byte, Integer, Single, Double
ตอบ
Byte: Integer: Single: Double: 6. ถ้าประกาศค่าตัวแปร โดยไม่ระบุประเภทข้อมูล ตัวแปรที่ประกาศ จะเก็บค่าของข้อมูลแบบใดได้? ตอบการประกาศค่าตัวแปร โดยไม่ระบุประเภทข้อมูล ตัวแปรที่ประกาศจะเก็บค่าของข้อมูลแบบ Variant โดยอัตโนมัติ7. ถ้าต้องการเก็บค่าต่อไปนี้ ควรจะเลือกใช้ตัวแปรประเภทใด และด้วยเหตุผลใด : จำนวนหนังสือที่สมาชิกยืมได้, อัตราค่าปรับส่งหนังสือเกินกำหนด, ค่าปรับหนังสือ, ระยะเวลาการยืมหนังสือ, ชื่อ-นามสกุล, รหัสนักศึกษา, ชั้นปี, คณะ, สาขาวิชา? ตอบจำนวนหนังสือที่สมาชิกยืมได้, ระยะเวลาการยืมหนังสือ ควรใช้ตัวแปรประเภทจำนวนเต็ม เพราะมีค่าไม่คงที่ และอัตราค่าปรับส่งหนังสือเกินกำหนด, ค่าปรับหนังสือ ควรใช้ตัวแปรประเภทจำนวนจริง เพราะจะต้องใช้ทศนิยม ส่วนชื่อ-นามสกุล, รหัสนักศึกษา, ชั้นปี, คณะ, สาขาวิชา ควรใช้ตัวแปรประเภทอักขระเพราะเป็นตัวแปรที่คงที่8. variable declaration หมายถึงอะไร? ตอบVariable Declaration 9. ทำไมการเก็บค่าของข้อมูลจึงต้องประกาศค่าตัวแปร? ตอบเพื่อให้ตัวแปรมีค่าตรงกับประเภทของตัวแปรที่เราต้องการ10. จงประกาศตัวแปร โดยให้ตั้งชื่อตัวแปรที่ไม่ถูกต้องตามกฎการตั้งชื่อมา 3 ชื่อ โดยทั้ง 3 ชื่อจะต้องผิดกฎการตั้งชื่อในข้อที่ไม่ซ้ำกัน และให้อธิบายว่า แต่ละชื่อ ผิดกฎการตั้งชื่อในข้อใด? ตอบ123
__________________________________________________________________________________________________

บทที่ 6   การจัดการไฟล์และโฟลเดอร์

1.ข้อใดต่อไปนี้ให้ความหมายของไฟล์ได้ถูกต้องที่สุด
ตอบ      หน่วยที่เล็กที่สุดที่ถูกจัดเก็บอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์

2. ข้อใดต่อไปนี้คือความหมายของโฟลเดอร์
ตอบ      เอกสารต่าง ๆ ที่จัดเก็บอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์

3. มุมมองแบบใดที่มีเฉพาะโฟลเดอร์ที่เก็บรูปภาพ
ตอบ     Thumbnails

4. ถ้าต้องการแสดงรายละเอียดของไพล์จะต้องเลือกมุมมองแบบใด
ตอบ   List

5. เราสามารถสร้างสร้างโฟลเดอร์ได้หลายวิธี  ยกเว้น  ข้อใด
ตอบ      คลิกที่ Make   new  folde

 6.ข้อใดต่อไปนี้เป็นคีย์ลัดในการเปลี่ยนชื่อโฟลเดอร์
ตอบ   F3

7.ข้อใดกล่าวถึงไฟล์และโฟลเดอร์ที่ถูกลบทิ้งไปจากเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ถูกต้อง
ตอบ   หลังจากลบทิ้งจะถูกเก็บอยู่ที่  Recycle  bin

8.คำสั่งใดใช้ในการกู้คืนข้อมูลที่ถูกลบ
  ตอบ    Recycle

9.ถ้าหากเราต้องการเลือกหลาย ๆ ไฟล์ที่ ไม่ ต่อเนื่องกัน  จะต้องใช้คีย์ลัดใดช่วยในการเลือก
ตอบ     Tab

10.ถ้าต้องการคัดลอกไฟล์และโฟลเดอร์จะต้องใช้คำสั่งใด

ตอบ     Ctrl +A
____________________________________________________________________________________

การจัดการไฟล์และโปลเดอร์

การจัดการกับไฟล์และโฟลเดอร์นี้ คิดว่าส่วนใหญ่ผู้ที่ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ ที่ใช้งานกันมานานๆแล้วก็คงจะพอทำเป็นกันอยู่แล้วในที่นี้จะขอนำมา อธิบาย อีกครั้ง เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นใช้งานคอมพิวเตอร์ ซึ่งคิดว่าหลาย ๆ คนอาจจะยังไม่ทราบวิธีการต่าง ๆ ในการจัดการไฟล์เหล่านี้ หรือว่าจะก็อปปี้อย่างไร จะลบอย่างไร จะเคลื่อนย้ายอย่างไร มาทำการสำรวจเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานกัน ว่ามีไฟล์หรือโฟลเดอร์อะไรอยู่บ้าง และจะจัดการย้าย ลบ หรือก็อปปี้ ข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างไรบ้าง แต่ก่อนที่จะเข้าเรื่องของไฟล์ต่าง ๆ มาดูก่อนว่า เครื่องคอมพิวเตอร์ ของเรานั้นมีอะไรบ้าง ที่ใช้สำหรับเก็บ ข้อมูล เริ่มต้นจากการกด Double Clickที่ My Computer เพื่อดูทั้งหมดโดยรวมก่อน

จากรูป จะเห็นว่าใน My Computer จะประกอบด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ ดังนี้



1. 3.5 Floppy (A:) คือ Floppy Disk Drive สำหรับใช้งานกับแผ่น Floppy Disk
2. Partition 1 (C:) คือฮาร์ดดิสก์พาร์ติชันแรก จะมีชื่อเรียกว่าเป็น Drive C:
3. Partition 2 (C:) คือฮาร์ดดิสก์พาร์ติชันที่สอง จะมีชื่อเรียกว่าเป็น Drive D:
4. (E:) คือไดรฟ์ของ ซีดีรอม นั่นเอง
5. ส่วนประกอบอื่น ๆ จะยังไม่สนใจเอาแต่เฉพาะพวกไดรฟ์ที่ใช้เก็บข้อมูลต่าง ๆ ก่อน

หากต้องการดูข้อมูลของแต่ละไดรฟ์ ว่ามีขนาดจำนวนเท่าไร ใช้งานไปแล้วเท่าไร ก็สามารถทำได้โดยเลือกที่เมนู File และ Properties เพื่อดูรายละเอียด



จากตัวอย่างตามรูป จะเห็นว่าเป็นฮาร์ดดิสก์ Drive C ขนาด 1.49GB ใช้งานไปแล้ว 1.29GB เหลือพื้นที่ว่างอยู่ 205MB มีชื่อ Volume Label เป็น "PARTITION 1" และใช้ระบบ FAT32
หากต้องการที่จะดูรายละเอียดของไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่มีอยู่ในไดรฟ์ต่าง ๆ ก็สามารถทำได้ โดยการกด Double Click เข้าไปในไดรฟ์ที่ต้องการ เช่นที่ Drive C:



จะเห็นรายละเอียดของไฟล์และโฟล์เดอร์ต่าง ๆ (ข้อมูลที่เห็นอาจจะมีรูปร่างไม่เหมือนกับตัวอย่างนี้ แต่สามารถเลือกรูปแบบ การแสดงไฟล์ ให้เป็นแบบต่าง ๆ ได้โดยการเลือกที่เมนู Views เพื่อเลือกรูปแบบต่าง ๆ ได้) ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับ ไฟล์ และโฟลเดอร์ กันก่อน

ไฟล์ (File) คือส่วนที่ใช้สำหรับเก็บข้อมูลต่าง ๆ เป็นไฟล์ ซึ่งจะมีหลายชนิดเช่น ไฟล์เก็บตัวอักษรก็จะเป็น Text Document หรือไฟล์ของโปรแกรมก็จะเป็น Application และไฟล์อื่น ๆ อีกมากมายตามชนิดของข้อมูลนั้น ๆ จากตัวอย่างตามรูป เช่น Autoexec, Command, Frontpg.log ฯลฯ

โฟลเดอร์ (Folder) คือส่วนที่ทำการสร้างขึ้นมาพิเศษ สำหรับแยกเก็บไฟล์ต่าง ๆ เพื่อความเป็นระเบียบ โฟลเดอร์ไม่ใช่ไฟล์ แต่มองภาพง่าย ๆ คล้ายกับกล่องที่ใช้เก็บไฟล์ เพื่อให้สามารถแยกสัดส่วนการเก็บให้เป็นระเบียบได้มากขึ้น เช่นโฟลเดอร์ของ Windows ก็จะเก็บไฟล์ต่าง ๆ ที่เป็นระบบของ Windowsนอกจากนี้ภายในโฟลเดอร์ก็ยังสามารถสร้าง โฟลเดอร์ย่อย ลึกลงไปอีกหลาย ๆ ชั้นลงไปได้อีกด้วย ลองดับเบิดคลิกที่โฟลเดอร์ Program Files ดูจะเห็นลักษณะโครงสร้างด้านในของโฟลเดอร์นั้น ๆ



จะเห็นว่า ด้านในของ C:\Program Files ลึกเข้าไปก็จะประกอบด้วยโฟลเดอร์ต่าง ๆ ย่อยลงไปอีก ที่ใช้สำหรับแบ่ง การเก็บไฟล์ต่าง ๆ ให้แยกกันออกไป พอเข้าใจ อย่าลืมนึกภาพง่าย ๆ ว่าโฟลเดอร์ ก็คือกล่องต่าง ๆ สำหรับใส่ไฟล์นั่นเองจะเห็นว่า ด้านในของ C:\Program Files ลึกเข้าไปก็จะประกอบด้วยโฟลเดอร์ต่าง ๆ ย่อยลงไปอีก ที่ใช้สำหรับแบ่ง การเก็บไฟล์ต่าง ๆ ให้แยกกันออกไป พอเข้าใจ อย่าลืมนึกภาพง่าย ๆ ว่าโฟลเดอร์ ก็คือกล่องต่าง ๆ สำหรับใส่ไฟล์นั่นเอง

การสร้างโฟลเดอร์ขึ้นมาใหม่ ทำได้โดยการเลือกที่เมนู File เลือกที่ New และ Folder ซึ่งครั้งแรกจะมีการตั้งชื่อเป็น New Folder เสมอ เราสามารถทำการเปลี่ยนชื่อได้โดยการกดปุ่ม F2 บนคีย์บอร์ดและเปลี่ยนชื่อได้ตามต้องการ ส่วนการลบ ก็ทำได้โดยใช้เมาส์กดเลือกที่ Folder นั้นและเลือกที่เมนู Delete หรือกดปุ่ม DEL บนคีย์บอร์ดก็ได้ ทดลองสร้าง โฟลเดอร์ขึ้นมาใหม่ และทดลองลบกันดู เพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้น

การดูรายละเอียดต่าง ๆ ของไฟล์หรือโฟลเดอร์ ก็สามารถทำได้โดยการเลือกที่ไฟล์นั้น ๆ และเลือกเมนู Properties ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งจะเห็นรายละเอียดต่าง ๆ ของไฟล์หรือโฟลเดอร์นั้น ๆ



เช่นการดูรายละเอียดของ C:\Program Files จะเห็นขนาดของไฟล์ทั้งหมด จำนวนไฟล์ที่เก็บอยู่ในโฟลเดอร์นี้ นอกจากนั้นยังมีส่วนของ Attributes อีกด้วย ซึ่งมีความหมายดังนี้

Read-only คือไฟล์หรือโฟล์เดอร์ที่สามารถอ่านได้อย่างเดียว จะเขียนหรือลบไม่ได้
Hidden คือไฟล์หรือโฟลเดอร์ ที่มีการซ่อนไว้ โดยปกติจะมองไม่เห็น นอกจากจะกำหนดให้แสดงHidden File ด้วย
Archive คือไฟล์หรือโฟลเดอร์สำหรับแสดงว่าเป็นไฟล์ธรรมดาทั่ว ๆ ไป
System คือไฟล์หรือโฟลเดอร์ ที่แสดงว่าเป็นไฟล์ของระบบหากต้องการที่จะเปลี่ยน Attributesเหล่านี้ก็ ใช้เมาส์ กด เลือกหรือยกเลิกได้ตามต้องการ Read-only คือไฟล์หรือโฟล์เดอร์ที่สามารถอ่านได้อย่างเดียว จะเขียนหรือลบไม่ได้
Hidden คือไฟล์หรือโฟลเดอร์ ที่มีการซ่อนไว้ โดยปกติจะมองไม่เห็น นอกจากจะกำหนดให้แสดงHidden File ด้วย
Archive คือไฟล์หรือโฟลเดอร์สำหรับแสดงว่าเป็นไฟล์ธรรมดาทั่ว ๆ ไป
System คือไฟล์หรือโฟลเดอร์ ที่แสดงว่าเป็นไฟล์ของระบบหากต้องการที่จะเปลี่ยน Attributesเหล่านี้ก็ ใช้เมาส์ กด เลือกหรือยกเลิกได้ตามต้องการ

User Accounts

ตามปรกติแล้วแต่ละเครื่องจะมี Account ผู้ใช้งานประจำเครื่องอย่างน้อย 1 account เสมอครับ (เหมือนกับบน windows) ถ้าเป็นเครื่องส่วนตัวเราจะไม่ค่อยได้มาตรงส่วนนี้เท่าไหร่ ถ้าเราใช้งานคนเดียวบนเครื่อง account เราก็จะเป็นชื่อของเรา และได้สิทธิ์เป็น admin ให้จัดการทรัพยากรของเครื่องได้ทั้งหมด
แต่สำหรับเครื่องในบริษัท หรือเครื่องที่มีผู้ใช้งานหลายคนร่วมกันนั้น การสร้าง account ให้เหมาะสมกับการใช้งานของแต่ละคนเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ (และควรกระทำด้วยครับ เพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรภายในเครื่องเราครับ ยิ้มปากกว้าง)
โดยเครื่องที่มีมากกว่า 1 account นั้น ปรกติค่า setting ต่าง ๆ ของแต่ละ account จะแยกจากกันได้โดยอิสระ เช่น
  • โปรแกรมต่าง ๆ
  • ขนาด font ข้อความ
  • ภาพพื้นหลัง desktop
  • รวมไปถึง setting เฉพาะกิจต่าง ๆ ตามแต่ผู้ใช้งานแต่ละคนจะเลือกตั้งเอาไว้ (พูดให้ง่ายคือ ของใครของมันครับ ไม่เกี่ยวกัน)
เครื่องที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 1 คนขึ้นไป ผู้ที่เป็นเจ้าของเครื่อง หรือ ผู้ใช้งานระดับ admin สามารถสร้าง account ใหม่ขึ้นมาให้กับผู้ใช้แต่ละคนได้ ซึ่งการทำแบบนี้มีข้อดีคือ
  1. ช่วยให้บริหาร file / folder ภายในเครื่องสะดวกขึ้น เช่น ป้องกันการเข้าถึงไฟล์ที่เจ้าของเครื่อง/admin ไม่ต้องการให้ผู้ใช้งานคนอื่นบนเครื่องเข้าถึง หรือใช้งานไฟล์นั้น ๆได้ เพราะเอกสารของแต่ละ account จะแยกจากกัน ยกเว้นบาง folder เช่น public folder / shared folder ที่จะมองเห็นร่วมกันเท่านั้น (หรือจะกำหนดสิทธิ์พิเศษให้มองเห็น folder ต่าง ๆ เป็นกรณีไปก็ทำได้)
  2. ป้องกันความเสียหายจาก user อื่นไม่ให้มาซนกับไฟล์ของ admin หรือไฟล์ของระบบ
  3. admin สามารถจำกัดสิทธิ์การใช้งานของ user อื่น ๆ บนเครื่องได้ เช่น ผู้ปกครองสามารถสร้าง account ให้บุตรหลานใช้งานบนเครื่องเดียวกัน แล้วยังกำหนดระยะเวลาให้เล่น internet ได้ถึง 4 ทุ่มของทุกวันเท่านั้น เป็นต้น
ไปที่ System Preference เลือก Accounts
001-_3.jpg
เราจะเห็นหน้าต่างแสดงรายชื่อบัญชีผู้ใช้หรือว่า Account ที่มีอยู่ในเครื่อง
002-_3.jpg
ตรงนี้จะบอกเราว่า ขณะนี้ในเครื่องของเรามี บัญชีผู้ใช้ (account) ของใครอยู่ในเครื่องบ้าง
  • My Account - คือ account ของเราเอง ดูสถานะได้จากใต้ชื่อ ใครที่มีสถานะเป็น Admin จะสามารถปรับเปลี่ยนระบบต่าง ๆ ได้
  • Other Accounts - คือ บัญชีผู้ใช้อื่น ๆ ที่ admin สามารถสร้างเพิ่ม หรือว่าลบออกจากระบบได้
ให้สังเกตว่ากุญแจที่อยู่ด้านล่างล๊อกอยู่หรือไม่ ถ้าล๊อกอยู่เราจะเข้าไปแก้ไขข้อมูลอะไรไม่ได้ ต้องปลดล๊อกก่อนเท่านั้น การปลดล๊อกทำได้ด้วยการคลิ๊กไปที่ลูกกุญแจครับ
คลิ๊กไปที่ลูกกุญแจเพื่อปลดล๊อก
003-_3.jpg
เมื่อคลิ๊กที่รูปกุญแจแล้ว ระบบจะถาม username กับ password ของเรา ให้กรอกแล้วกด OK ผ่านไปหมายเหตุ - ขึ้นตอนการเปลี่ยนแปลงอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับ system หรือว่าไฟล์ของระบบแล้วนั้นส่วนใหญ่ ถ้าเราจะทำการแก้ไข เรามักจะต้องใส่ password ก่อนเสมอ
หลังจากปลดล๊อกแล้ว ทำการเพิ่ม account โดยการกดที่เครื่องหมาย ‘+’ (บวก)
004-_3.jpg
หน้าต่างใหม่ให้กรอกรายละเอียดของ ผู้ใช้งาน/user ใหม่บนเครื่อง
006-_3.jpg
New Account: ชนิตของบัญชีผู้ใช้แบบต่าง ๆ (อธิบายจากรูปถัดไป)
Name: ชื่อประจำตัวของ account นี้ โดยทั่วไปก็เอาชื่อ/ตำแหน่งผู้ใช้งานมาใส่ .. จะเป็นอะไรก็ได้ที่ไม่ทำให้สับสนทีหลัง
Short Name: ชื่อย่อ
Password: ระหัสผ่าน
Verify: ยืนยันระหัสผ่าน
Password Hint: คำถามใบ้ แนะแนวกรณีที่เราลืม password ตั้งอะไรก็ได้ที่เกี่ยวโยงกับ password ที่เราตั้งไว้ จะกรอกตรงนี้เป็นภาษาไทยก็ได้ครับ =)

วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เทคนิคการใช้งาน Windows 7

ในที่สุดการรอคอยก็ใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว สำหรับ Windows 7 ที่หมายว่าจะสร้างความนิยมให้กับผู้ใช้ได้ หลังจากที่เราผิดหวังจาก Windows Vista กันมาแล้ว ซึ่ง Windowsนั้น นอกจากมีความสวยงามน่าใช้ไม่แตกต่างไปจาก Vista แล้ว ยังใช้งานได้ดี ไม่แพ้กับ Windows XP เลย เรียกว่าหากได้ใช้ Windows 7 แล้ว คุณจะไม่อยากกลับไปใช้ Windows XP อีกเลย
ดูจากรูปเราจะเห็นว่า Windows 7 แม้ จะพัฒนาต่อยอดมาจาก Windows Vista แต่หน้าตาก็มีการปรับเปลี่ยนไปบ้างพอสมควร แม้จะใช้งานได้ไม่ยาก แต่ก็ต้องปรับตัวกันนิดหน่อยเพื่อให้สามารถใช้งาน Windows 7 ได้ ง่ายขึ้น ซึ่งส่วนประกอบที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือส่วนของทาสก์บาร์ ที่ปรับปรุงให้เรียกใช้โปรแกรมได้ง่ายขึ้น มีการตัดทอนบางฟังก์ชั่นออกไป เช่น Quick LaunchWIndows7_desktop
ส่วนของซิสเท็มบาร์ที่ถูกซ่อนเอาไว้ไม่ให้แสดงผลเกะกะบนหน้าจอ รวมทั้งแถบของ Gadget ที่หายไป โดยเราสามารถเรียก Gadget ขึ้นมา และวางไว้ตรงไหนก็ได้ของหน้าจอ โดยไม่กินพื้นที่เหมือนกับ Gadget Bar ในWindows Vista อีก แน่นอนว่าเมื่อเวอร์ชันใหม่ออกมา ก็ต้องมีความสามารถใหม่ๆ ตามมาด้วย และนี่คือทิปที่จะช่วยให้คุณใช้งาน Windows? 7 ได้ง่ายและสะดวกขึ้น พร้อมกับสามารถปรับแต่งหน้าตาอินเทอร์เฟสต่างๆ ได้ตามต้องการ

สร้างแผ่นสำหรับแก้ไขปัญหาคอมพิวเตอร์

คงบอกว่าหากวันใดวันหนึ่ง Windows ของคุณเกิดปัญหาขึ้น จะทำให้คุณต้องยุ่งยากขนาดไหน ดังนั้นเราควรที่จะสร้างหนทางสำหรับที่จะทำให้เราสามารถแก้ไขปัญหาได้ง่าย ขึ้น โดยการสร้างแผ่นบู๊ตยามฉุกเฉินเอาไว้ก่อน โดยหลังจากที่ติดตั้ง Windows เสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ก็ให้เราเตรียมแผ่นดิสก์เปล่าๆเอาไว้ก่อน จากนั้นคลิกที่ Start > Maintenance > Create a System Repair Disc และใส่แผ่นดิสก์เปล่าลงไป และให้ Windows 7 สร้างแผ่นบู๊ตยามฉุกเฉินเอาไว้ก่อน ทีนี้ หาก Windows มีปัญหาในการทำงานเกิดขึ้น เราก็สามารถใช้แผ่นดิสก์นี้บู๊ต เพื่อแก้ไขปัญหาCreate_emergency_Disc

เขียนแผ่นซีดีและวิดีโอจาก ISO ไฟล์ โดยไม่ต้องลงโปรแกรมเบิร์น

คุณสมบัติอย่างหนึ่งของ Windows 7 ก็ คือเราสามารถสร้างเบิร์นแผ่นดีวีดีหรือซีดีได้ โดยไม่ต้องลงโปรแกรมเขียนแผ่นดิสก์ลงไปก่อน ซึ่งช่วยให้สะดวกขึ้น หากว่ามีแผ่นโปรแกรมในรูปแบบของไฟล์ ISO อยู่ในเครื่องอยู่แล้ว ก็สามารถคลิกที่ไฟล์ ISO นั้นแล้วเลือกไดรว์ที่จะเขียน พร้อมกับใส่แผ่นดิสก์เปล่าลงไป เท่านี้ Windows ก็จะพร้อมที่จะสร้างแผ่นดิสก์จาก ISO ไฟล์ได้เลย

แก้ไขปัญหาใน Windows 7 ให้รวดเร็ว

เวลาเกิดปัญหากับการใช้งาน Windows คงไม่ต้องบอกว่ามันยุ่งยากขนาดไหน เพราะเราไม่รู้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากอะไรและจะสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆนั้นอย่างไรได้บ้าง แต่สำหรับ Windows 7 แล้ว มีเครื่องมือที่จะช่วยให้เราสามารถค้นหาปัญหา และแก้ไขได้ด้วยตัวเองก่อนที่จะต้องส่งให้ผู้เชี่ยวชาญต่อไป โดยเราสามารถเข้าถึงการตรวจสอบปัญหาต่างๆ ได้จากการเลือกที่ Control Panel > Troubleshoot Problems ซึ่งจะมีวิซาร์ด ช่วยในการค้นหาปัญหาที่เกิดขึ้น และวิธีการแก้ไข รวมทั้งยังเป็นการเช็คอัพระบบ และกำจัดสิ่งที่ไม่จำเป็นสำหรับการทำงานของคุณได้Troubles_Shooting

ซ่อนไอคอนของ Windows Live Messenger

ถ้าคุณเป็นอีกคนหนึ่ง ที่ต้องใช้ Windows Live Messenger เป็นประจำบน Windows 7คุณ จะพบว่าเมื่อเปิด Windows Live Messenger มันจะแสดงการทำงานค้างไว้บนทาสก์บาร์ให้เกะกะ ซึ่งหากคุณไม่ชอบใจ ก็สามารถซ่อนการทำงานของ Windows Live Messenger เอาไว้ได้ โดยก่อนอื่นต้องคลิกขวา เลือกที่ไอคอนของ Windows Live Messenger จากนั้นเลือกที่ Properties แล้ว กำหนดให้แอพพลิเคชั่น ทำงานในโหมดของ Windows Vista Compatibility จากนั้นก็เปิดการทำงานของ Windows Live ขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้โปรแกรม Messenger จะถูกซ่อนการทำงานเอาไว้ ไม่โผล่มาให้เกะกะบนทาสก์บาร์อีก

เพิ่มพื้นที่การใช้งานให้กับเดสก์ท็อป

ใน Windows 7 เรา จะพบว่าทาสก์บาร์นั้นมีขนาดที่ใหญ่มาก ซึ่งอาจจะกินพื้นที่บางส่วนของเดสก์ท็อปไปอย่างมาก รวมทั้งไอคอนต่างๆ ทำให้พื้นที่สำหรับแอพพลิเคชั่นต่างๆ นั้น วางได้ไม่เยอะ ซึ่งเราสามารถที่จะปรับขนาดของไอคอนบนเดสก์ท็อปให้เล็กลงได้ โดยคลิกขวาที่ทาสก์บาร์ จากนั้นเลือกที่ Properties > Taskbar > Use small icons เพื่อที่จะให้ไอคอนบนทาสก์บาร์เล็กลง และเราก็จะได้พื้นที่ใช้งานบนเดสก์ท็อปนั้นเพิ่มขึ้น

เพิ่ม Quick Launch ให้กับทาสก์บาร์

ด้วยการมี Launch ที่สามารถเรียกโปรแกรมต่างๆ ขึ้นมาให้แล้ว ทำให้ Quick Launch เดิมที่มาพร้อมกับ Windows ก่อนหน้านี้ ถูกตัดออกไป แต่เราก็สามารถเปิดการทำงานของ Quick Launch ขึ้นมาได้ โดยให้คลิกขวาที่ทาสก์บาร์ จากนั้นเลือกที่ Toolbars/ New Tools Bar ก็จะปรากฏหน้าต่าง Folder Selection dialog ขึ้นมา ให้พิมพ์ข้อความตามนี้ลงไป %userprofile%\AppData\Roaming\Microsoft\Internet Explorer\Quick Launch แล้วคลิกที่ OK ก็จะมีแถบของ Quick Launch ปรากฏขึ้นที่ทาสก์บาร์ แต่ตอนนี้ Quick Launch จะดูเหมือนว่าไม่ปรากฏออกมาเพราะมีแถบข้อความ และคำอธิบายเต็มไปหมด ให้คลิกขวาที่ Quick Launch แล้วเอาเช็คบ็อกซ์ตรง lock the taskbar ออก แล้วคลิกขวาอีกครั้งที่ Quick Launch และให้นำเช็คสบ็อกซ์ หน้าข้อความ show Text และ Show Titles ออกไป ที่นี้เราก็สามารถลากไอคอนชอร์ตคัทของโปรแกรมต่างๆ ที่ต้องการ นำมาวางไว้ตรง Quick Launch นี้ได้ และเมื่อเป็นที่พอใจแล้ว ก็ให้คลิกขวาที่ทาสก์บาร์ พร้อมกับล็อคทาสก์บาร์เอาไว้ให้เรียบร้อย
QuickLuanch

เปลี่ยนการทำงานให้กับเพาเวอร์สวิทช์

ปกติหน้าที่ของเพาเวอร์สวิทช์ ก็คือการเปิดเครื่อง แต่ขณะที่คอมพิวเตอร์กำลังทำงานอยู่ล่ะ จะให้มันทำหน้าที่เป็นอะไร ในWindows 7 เรา สามารถกำหนดการทำงานให้กับเพาเวอร์สวิทช์ได้ โดยคลิกขวาที่ไอคอน Windows มุมล่างซ้าย แล้วเลือกที่ properties จากนั้น คลิกที่แท็บ Start Menu แล้วตรง power button action ก็กำหนดหน้าที่ที่ต้องการให้กับปุ่มเพาเวอร์ได้ ทั้งการชัตดาวน์ รีสตาร์ท หรือล็อคเครื่องก็ได้เช่นกันPower Button Option

ควบคุมการทำงานบน Windows ด้วยปุ่ม Windows คีย์

หากคุณต้องการปรับการแสดงผลขณะทำงานบน Windows 7 เพื่อ ให้สะดวกขึ้น เราสามารถใช้ปุ่ม windows คีย์ เพื่อเป็นคีย์ลัดในการจัดการการแสดงผลของหน้าต่างบน Windows ได้ ไม่ว่าจะเป็นการย่อขยาย จัดการแสดงผลให้เต็มหน้าจอ หรือย่อทั้งหมดลงมา หรือเรียกการทำงานของหน้าต่างที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว เป็นต้น ซึ่งคีย์ลัดนี้ เราสามารถทำงานกับ Windows ได้อย่างรวดเร็วขึ้น โดยสามารถแบ่งการทำงานที่ต้องใช้ร่วมกับปุ่ม Windows คีย์ได้ดังนี้
  • ปรับขนาดของหน้าต่างให้ตรงกับความต้องการ
-?? ?เราสามารถใช้ปุ่ม Windows คีย์ ร่วมกับปุ่มลูกศร เพื่อปรับขนาดของ Windows ได้ตามต้องการ เช่น
-?? ?Win + ลูกศรขึ้น และ Win+ ลูกศรลง? เป็นการขยายขนาดของหน้าต่างให้เต็มหน้าจอ และย่อขนาดกลับลงมาเท่าเดิม
-?? ?Win + ลูกศรซ้าย และ Win + ลูกศรขวา เป็นการกำหนดตำแหน่งของการแสดงผลอยู่ทางครึ่งของหน้าจอทางซ้ายมือหรือว่าขวามือ
-?? ?Win + Shift +ลูกศรขึ้น และ Win+Shift+ ลูกศรลง? เป็นการขยายขนาดของหน้าต่างให้เต็มหน้าจอทางด้านแนวตั้ง และย่อขนาดกลับลงมาเท่าเดิม
  • แสดงผลออกโปรเจ็คเตอร์

หมดปัญหากับการที่ต้องควานหาปุ่ม เพื่อเลือกการแสดง หากต้องการต่อกับโปรเจ็คเตอร์หรือมอนิเตอร์ภายนอก เพราะเพียงแค่ใช้คีย์ Win + P ก็จะเป็นการเลือกการแสดงที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงผลเฉพาะหน้าจอหลัก การแสดงผลหน้าจอทั้งสองให้เหมือนๆกัน การแสดงแบบบนจอที่สองแบบ extend และการแสดงผลเฉพาะจอที่สองเพียงอย่างเดียว
แต่หากว่าคุณต้องการแสดงผลเฉพาะพรีเซนเทชั่น เพื่อออกไปทางโปรเจ็คเตอร์ คงไม่อยากให้การแสดงผลบนหน้าจอถูกขัดจังหวะด้วยสกรีนเซฟเวอร์ หรือว่าข้อความทาง IM ที่ส่งมาให้คุณ เราสามารถใช้ปุ่ม Win+X เพื่อกำหนดการแสดงผลเฉพาะพรีเซนเทชั่นได้ เท่านี้เวลาข้อความทาง IM ส่งเข้ามาหรือว่าสกรีนเซฟเวอร์ทำงาน ก็จะไม่มีผลต่อการแสดงผลบนหน้าจอโปรเจ็คเตอร์อีก
  • ย่อหน้าต่างให้เลือกเฉพาะที่ใช้งานปัจจุบัน

เราสามารถย่อหน้าต่างอื่นๆที่ไม่ได้ใช้งาน ให้ลงไปอยู่บนทาสก์บาร์ได้ โดยกดคีย์ Win+ Home ซึ่งหน้าต่างอื่นๆที่เราไม่ได้ใช้งานอยู่ ก็จะถูกย่อลงเองโดยอัตโนมัติ และเมื่อกด Win+Home อีกครั้ง ก็จะกลับมาแสดงผลตามปกติ
  • ทำงานแบบหลายมอนิเตอร์พร้อมๆ กัน

ถ้าคุณต่อมอนิเตอร์หลายๆตัวเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ เราสามารถเคลื่อนการทำงานจากมอนิเตอร์หนึ่งไปยังอีกมอนิเตอร์หนึ่งได้ โดยกดปุ่ม Win+shift+ปุ่มลูกศรซ้าย หรือขวา เพื่อเลื่อนการทำงานไปยังมอนิเตอร์ที่ต้องการได้
  • เรียกใช้โปรแกรมบนทาสก์บาร์ด้วยคีย์ลัด

ในทาสก์บาร์ของ Windows 7 จะ มีการจัดเรียงโปรแกรมเอาไว้อยู่ และเราสามารถที่จะเรียกใช้แอพพลิเคชั่นเหล่านั้นได้โดยง่าย เพียงแค่เล็งไว้ว่าแอพพลิเคชั่นนั้นๆอยู่ตำแหน่งที่เท่าไหร่ นับจากปุ่มสตาร์ทเป็นต้นมา เราสามารถเรียกแอพพลิเคชั่นได้รวดเร็วขึ้น จากการที่กดคีย์ Win+คีย์ตัวเลข ก็จะเป็นการเรียกใช้งานแอพพลิเคชั่นลำดับตัวเลขนั้นขึ้นมาทันที
  • มองทะลุเดสก์ทอป

ใน Windows 7 มี ฟังก์ชั่นบางตัวที่เรียกว่า? Gadget สำหรับบอกเวลา บอกวันที่ รวมถึงดูโน้ตต่างๆได้ ซึ่งปกติหากเราต้องการดูของต่างๆ ที่อยู่บนเดสก์ท็อป เราต้องย่อหน้าต่างลงมาทั้งหมดเสียก่อน แต่หากว่าเราต้องการแค่ดูเฉยๆโดยไม่ได้ทำอะไร Windowsยอมให้คุณกดปุ่ม Win+Space เพื่อมองทะลุหน้าต่างทั้งหมดที่อยู่ ให้คุณมองเห็นเดสก์ท็อปได้desktop-aero-peek
  • ท่องไปตามทาสก์บาร์

หากต้องการเรียกแอพพลิเคชั่นที่เปิดเอาไว้บนทาสก์บาร์อย่างรวดเร็ว เราสามารถใช้คีย์ Win+T เพื่อเลือกใช้งานโปรแกรมที่อยู่บนทาสก์บาร์ได้ โดยเลือกเป็นกลุ่มของแอพพลิเคชั่น เพื่อสามารถเลือกแอพพลิเคชั่นที่ต้องการได้สะดวกกว่า
desktop-taskbar
  • ขยายการมองเห็นให้กับ Windows

หากว่าคุณเป็นคนที่สายตาไม่ดี หรือมีปัญหากับการมองบางส่วนของภาพได้ไม่ชัดเจน Windows 7 ยอม ให้เราสามารถซูมภาพเข้าไปได้ เพื่อมองบางส่วนในการแสดงผลให้ชัดเจนขึ้น โดยใช้คีย์ Win++ ก็จะเป็นการใช้งานฟังก์ชั่น magnifier ในการขยายภาพทั้งหมดบนหน้าจอขึ้นมา และหากต้องการกลับสู่การแสดงผลปกติ ก็เพียงแค่ใช้คีย์ Win + -? ก็จะเป็นการย่อให้ Windows กลับมาแสดงผลเป็นปกติ เรียบร้อยเหมือนเดิม
  • เรียกใช้งาน Gadget ได้อย่างรวดเร็ว

Gadget บน Windows 7 ให้ ประโยชน์ในการทำงานของเราได้อย่างมาก เช่น ปฏิทิน หรือว่านาฬิกา แต่ในขณะทำงานอยู่ มักจะไม่สะดวกที่จะต้องย่อหน้าต่างลงไป ซึ่งหากเราต้องการเรียกใช้งาน Gadget อย่างปัจจุบันทันด่วน เราสามารถเข้าถึง Gadget ได้อย่างรวดเร็วด้วยคีย์ Win+G เพื่อให้ Gadget ขึ้นมาอยู่บนท็อปของหน้าต่างการทำงานปัจจุบันได้ทันทีdesktop-gadgets

ทำงานง่ายขึ้นด้วย ALT คีย์

ใน Windows 7 สามารถ ใช้งานคีย์ลัด เพื่ออำนวยความสะดวกในการเรียกใช้งาน Windows ได้อย่างมาก และ ALT ก็คือคีย์อเนกประสงค์อีกคีย์หนึ่ง ที่สามารถนำมาใช้งานร่วมกับคีย์ต่างๆ เพื่อให้ทำงานร่วมกับ Windows ได้สะดวกขึ้นเรียกใช้งานเมนูบาร์บน Explorer
ด้วยฟังก์ชั่นพิเศษที่ไมโครซอฟท์เห็นว่ามันอาจจะเกะกะ ก็เลยซ่อนเมนูบาร์ใน Explorer เอาไว้ซะ ทำให้การปรับแต่งการทำงานต่างๆนั้นอาจจะไม่สะดวก แต่เราสามารถเรียกเมนูบาร์ออกมาได้ง่ายๆ โดยกดปุ่ม alt หนึ่งครั้งก็จะเป็นการแสดงผลเมนูบาร์ขึ้นมา และเมนูบาร์นี้จะถูกซ่อนเอาไว้โดยอัตโนมัติ เมื่อเราไม่ได้ใช้งาน

เพิ่มขีดความสามารถในการใช้งาน Explorer

ใน Explorer ตัวล่าสุดของ Windows 7 เราสามารถใช้คีย์ลัด ALT ร่วมกับคีย์ต่างๆ เพื่อให้ใช้งาน Explorer ได้ง่ายขึ้น เช่นเพิ่มขีดความสามารถในการใช้งาน-Explorer7
  • ALT+UP เป็นการกระโดดไปยังโฟลเดอร์แรกสุดคือ Desktop โดยอัตโนมัติ หรือย้อนกลับไปโฟลเดอร์รูท หากว่าเราทำงานอยู่ในโฟลเดอร์ย่อยๆ ของโฟลเดอร์รูทนั้น
  • ALT + Right คือการไล่สเต็ปไปยังโฟลเดอร์ ที่เปิดขึ้นมาล่าสุด
  • ALT + LEFT คือการย้อนกลับไปทำงานยังโฟลเดอร์ก่อนหน้าโฟลเดอร์ปัจจุบัน
  • ALT +D เป็นการทำงานกับแอดเดรสบาร์ของพาธ การทำงานปัจจุบัน
  • F4 เป็นการเรียกใช้งาน drop down menu ของแอดเดรสบาร์
  • ALT+ENTER เป็นการเรียก Properties ของไฟล์ที่เคอร์เซอร์กำลังถูกเลือกอยู่ในขณะนั้น
  • CTRL+mousewheel เป็นการเปลี่ยนขนาดของไอคอนใน explorer
  • F11 เป็นการเปลี่ยนโหมดของ explorerให้ทำงานในโหมด Full Screen

เรียกใช้งานแอพพลิเคชั่นในโหมดของ Windows Compatibility เพื่อให้สามารถใช้งานร่วมกับโปรแกรมเก่าได้

ปัญหาใหญ่ๆของการใช้งาน Windows 7 ก็ คือการทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่นเดิมๆ ที่เคยใช้งานได้ใน Windows XP หรือว่า Vista ซึ่งหากเราเรียกใช้งานตรงๆ อาจจะมีปัญหาเกิดขึ้นได้ Windows 7 จึง มีโหมดการทำงาน Windows Compatibility เพื่อให้นำแอพพลิเคชั่นเดิมๆที่สามารถเคยใช้งานได้ใน Windows XP หรือ Vista ให้ใช้งานได้บน Windows 7 โดย การคลิกขวาที่ไอคอนของแอพพลิเคชั่นนั้นๆ จากนั้นเลือกที่ Properties แล้วไปยังแท็บ compatibility mode และเลือก Run this program in compatibility mode for ซึ่งเราสามารถเลือกได้ว่าให้แอพพลิเคชั่นตัวนั้น ทำงานในโหมดของ Windows เวอร์ชั่นไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น Windows XP หรือว่า Windows 95 ก็ยังไหว โดยในโหมด compatibility แนะนำว่าควรที่จะเลือก disable visual themes และ desktop composition เอาไว้ด้วย และหากว่าแอพพลิเคชั่นนั้นเป็นวิดีโอเกม ก็ควรที่จะเลือก Run this program as an administrator เอาไว้ด้วย เพื่อที่ Windows 7 จะไม่ตั้งคำถามสำหรับคุณอีกProgram Compatibility

ใช้งาน Sticky Notes เพื่อเตือนความจำ

แอพพลิเคชั่นหลายๆ ตัวได้ถูกเติมเต็มเข้ามาใน Windows 7 นี้ เพื่อให้การทำงานของผู้ใช้นั้นง่ายขึ้น โดยไม่ต้องไปหาโปรแกรมอื่นๆมาติดตั้งให้ยุ่งยากอีก เช่น Sticky Notes หรือ กระดาษเตือนความจำ ซึ่งให้เราสามารถโน้ตข้อความต่างๆ วางไว้บนเดสก์ท็อปได้สะดวก โดยเราสามารถเรียกใช้งาน Sticky Notes จากการพิมพ์ notes ที่ช่อง Search ก็จะเป็นการหาแอพพลิเคชั่น Sticky Note ให้เราเองโดยอัตโนมัติ และเราสามารถเปลี่ยนสีของกระดาษโน้ตได้ โดยการคลิกขวาที่ Sticky Note แล้วเลือกสีกระดาษโน้ตตามต้องการ? และหากต้องการเพิ่มกระดาษโน้ตก็สามารถคลิกที่เครื่องหมาย + บนกระดาษโน้ต และเมื่อต้องการปิดการใช้งาน Sticky Note ก็ให้กด Alt+F4 ก็จะเป็นการปิดการทำงานลง แต่จะเก็บข้อความทั้งหมดเอาไว้ ซึ่งเมื่อเปิดการทำงานขึ้นมาอีก ข้อความเดิมที่มีอยู่ก็จะปรากฏขึ้นมาเหมือนเดิมSticky Notes

วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

วิธีสแกนไวรัสบนฮาร์ดดิสก์ผ่าน Windows Explorer

วิธีสแกนไวรัสบนฮาร์ดดิสก์ผ่าน Windows Explorer

  1. แนะนำให้กดปุ่ม Windows Logo + E เพื่อเปิด Explorer
  2. จากนั้น คลิกขวา เลือกคำสั่ง "Scan for Viruses" (อาจมีคำคล้ายๆ กัน ทั้งนี้ ขึ้นกับโปรแกรม anti-virus ที่คุณใช้งาน)
  3. รอจนกระทั่งสแกนเสร็จสิ้น
  4. ดูผลลัพธ์ของการสแกน?
  5. ถ้าโปรแกรม antivirus ของคุณไม่ได้มีกาลบหรือจัดการแบบอัตโนมัติ? เราสามารถคลิกคำสั่งในการสั่งจัดการได้ ทั้งนี้ ขึ้นกับแต่ละโปรแกรม เรียกว่า ถ้ามีคำสั่ง "Next" ให้ทำขั้นตอนต่อไป ก็มักแสดงว่า ยังไม่ได้มีการจัดการไวรัสนั้นๆ? แนะนำให้ทำตามขั้นตอนที่หน้าจอ

สแกนไวรัสบนฮาร์ดดิสก์ผ่านตัวโปรแกรมโดยตรง

Scan Virus with Kaspersky

  1. เปิดโปรแกรม antivirus ที่คุณใช้งาน
  2. โดยปกติ จะมีหน้าแท็ป หรือหัวข้อใด หัวข้อหนึ่ง เกี่ยวกับการสั่ง Scan
  3. ให้คลิกเลือกหัวข้อการ scan นั้นๆ
  4. แนะนำให้ scan ทุกๆ drive และเลือก Full Scan (ดูตัวอย่างจากโปรแกรม Kaspersky)
  5. เลือกคำสั่ง Start Scan?
ทั้งนี้ แต่ละคำสั่ง จะขึ้นกับแต่ละโปรแกรม แต่จะมีหลักการเช่นเดียวกันหมด ต้องลองทดสอบดูกันน่ะครับ


ข้อควรทราบการสแกนไวรัส


ระหว่างการสแกนไวรัส อาจทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานช้าลง? และทางที่ดีที่สุด แนะนำให้หยุดการเชื่อมต่อระบบเครือข่าย หรืออินเตอร์เน็ตก่อน


วิธีลดปัญหาไวรัสจาก Flash Drive


Scan Virus Flash Drive

  1. ติดตั้งโปรแกรมกำจัดไวรัส Autorun (ไวรัส Autorun เป็นตัวหนึ่งที่เป็นปัญหาหลักของผู้ใช้งาน Flash Drive) อ่านรายละเอียดและวิธีการใช้งานที่นี่
  2. ตรวจสอบไวรัสจาก Flash Drive ก่อนใช้งาน
    1. เสียบ Flash Drive ใน USB drive
    2. รอจนกระทั่งหน้าจอ แสดงว่า สามารถใช้งานได้
    3. ให้กดปุ่ม Windows Logo + E เป็นการเปิดหน้าต่าง Explorer
    4. ให้สังเกตุ drive ของ USB ที่เพิ่งแสดง
    5. ให้คลิกขวาที่ driveของ USB และคลิกคำสั่ง "Scan for Viruses" หรือคำที่มีความหมายใกล้เคียง (ทั้งนี้ ขึ้นกับโปรแกรม Anti-virus แต่ละแบรนด์)
แค่นี้ก็สามารถลดปัญหาได้อย่างมากแล้วครับ สำหรับกรณีที่โปรแกรม anit-virus ของคุณ ตรวจพบไวรัส แนะนำให้ทำการ "Revove" ก่อน ถ้าไม่ได้ให้ "Quarantine" หรือ "Delete" ทิ้งไปจะดีที่สุด แต่ทั้งนี้ คงต้องพิจารณาว่า ไฟล์ที่ติดไวรัสนั้น เป็นไฟล์ของ Windows หรือเปล่า (ซึ่งผู้ใช้งานทั่วไป อาจไม่สาเหตุวิเคราะห์ได้ แต่ก็ต้องเสี่ยงบ้าง)?หรือไฟล์งานของคุณหรือเปล่า

วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

วิธีติดตั้งโปรแกรมสแกนไวรัส

โปรแกรมสแกนไวรัส AVUIRA

ขั้นตอนวิธีการลงโปรแกรม Avira Antivir หรือที่คนไทยคุ้นกันดีในชื่อของ ร่มแดง ที่เรียกกันว่าร่มแดง คงเป็นเพราะโลโก้ที่เป็น เอกลักษณ์ ที่เป็นร่มสีแดง
1.แน่นอนครับเราจะลงโปรแกรมสแกนไวรัส Avira ร่มแดง เราจำเป็นที่จะต้องมีตัวโปรแกรมก่อนซึ่งเราสามารถไปหาได้ที่เว็บไซด์ของเจ้าของได้เลยครับที่ Avira Click ที่ตัวอักษรเลยครับ
2.จากนั้นให้เข้าไปที่ Download จากนั้นมองหา Link Avira AntiVir Personal – Free Antivirus จากนั้นก็ click เข้าไปเลยครับ
3.แล้วก็จะี Link ให้สำหรับ Download จาก 2 ที่ครับนั่นก็คือ Download.com และ Softpedia ท่านสามารถเลือกได้ตามสะดวกเลยครับ
4.เมื่อ Download เสร็จสิ้นก็ถึงขั้นตอนการติดตั้งโปรแกรมกันนะครับ ขั้นตอนนี้ไม่ยากเลยครับท่านสามารถดูตาม Video แล้วทำตามได้เลยครับไม่อะไรยุ่งยากครับผม
5.จากนั้นเมื่อเสร็จขั้นตอนการลงตัวโปรแกรมจะ Update
6.หากท่าน Update เสร็จแนะนำให้ Scan เลยครับครั้งแรกอาจะใช้แล้วสักพักครับ



วิธีติดตั้ง+Update Antivirus +Fix virus โดยใช้ Nod32

หลายๆคนคงประสบปัญหาเรื่อง Virus ในเครื่องทำให้มีปัญหาในการใช้งาน และมีผลต่อเครื่องด้วย
ทำให้เครื่องช้าและทำงานผิดพลาดไป  เราจะมาดูวิธีติดตั้งและทำให้ Antivirus
ทำงานเต็มประสิทธิภาพกันดีกว่า รวมทั้งการตั้งค่าให้ Antivirusทำงานร่วมกับ Firewall
 เรามาดูวิธีติดตั้งและอัพเดรตแอนตี้ไวรัสกัน

1. ให้ ดาวน์โหลดไฟล์โปรแกรมแอนตี้ไวรัสกันก่อน     Download

2. ดาวน์โหลดเสร็จแล้วแตกไฟล์ออกมาจะได้ดังรูป

3. ให้ติดตั้งตั้ง Nod32.Fix ก่อนโดยการดับเบิ้ลคลิกที่

4. กด Next

5. กด Next

6. กด Next

7. กด Next

8. กด Install

9.  ให้กด No.I will restart the computer later  เพราะเราต้องลงโปรแกรมอีกตัวก่อน

10. จากนั้นให้ดับเบิ้ลคลิกที่  
11. ให้กด Extract

12. ให้เอาเครื่องหมายถูกตรงช่อง Use current settings ออกแล้วเลือก Typical ดังรูป

13. .ให้ใส่เครื่องหมายถูกที่ Set update parameters later  แล้วกด Next

14. กด Next

15. เลือก Enable แล้วกด Next

16.  กด Next

17. กด Next

18. เมื่อลงเสร็จแล้วให้กด finish ได้เลย เพราะถ้าไม่ restart โปรแกรมจะไม่ทำงาน

19. หลังจากที่ restart เสร็จให้เราดับเบิ้ลคลิกที่   จะอยู่มุมขวาล่าง
20. กดเข้าไปที่ Update แล้วเลือก Setup

21. จะขึ้นหน้าต่าง Setup ขึ้นมาให้ตั้งค่าตามรูป

22.  เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้วให้กด Update Now   กรณีกดแล้วไม่ยอมอัพ ให้กดไปเรื่อยๆ เพราะ Nod32 มีหลาย Server ได้อัพเดรต  และกรณีกดแล้วมันถาม Password ให้เราใส่ ให้เราเข้าไปโหลด CD-Key ที่ www.nod321.com  และ www.nod325.com เพื่อเอา มาใส่
23. และสังเกตว่าแอนตี้ไวรัสเราอัพเดรตล่าสุดวันไหนให้ดูตรงกรอบที่ทำให้และตอนนี้เวอร์ชั่นอะไรที่ใช้อยู่  แค่นี้ก็จะได้แอนตี้ไวรัสที่อัพล่าสุดไว้ปราบไวรัสแล้ว

24. หลังจากอัพเดรตแอนตี้ไวรัสเสร็จจะเสริมให้แอนตี้ไวรัสทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ต้องตั้งค่า firewall แล้ว Virus Protect เพิ่มอีกนิด
ไปที่ Control Panel

25. ดับเบิ้ลคลิกที่ Security Center 
26. จากนั้นคลิกที่ Recommendations ตรงช่อง Virus Protection

27. ให้ใส่เครื่องหมาย I have an antivirus program ดังรูป  และสมควรเปิดไฟวอลด้วยจะดีมาก  แต่ถ้าเปิด Firewall   และ Internet ช้าไม่ควรเปิดเพราะจะทำให้เล่น Internet ช้าไปด้วยแต่จะปลอดภัยเรื่องไวรัส  แล้วแต่จะเลือกใช้


28.  ตัว Fix * ไว้ใช้กรณีที่เราติดสคริป Auto run เช่น ดับเบิ้ลคลิกที่ Drive D: ไม่ได้, Folder option หาย , ไม่สามารถเปิด task Manager , run  เข้าไม่ได้ , ไวรัส msn ตัวนี้จะช่วยแก้พวกนี้ได้ ซึ่งแอนตี้ไวรัสตัวอื่นไม่มีคุณสมบัติตัวนี้  ถ้าเราไม่รู้ว่าติดอันไหนมั่งให้ลง fix ที่มีในรายการทั้งหมดทุกตัว  เพราะจะได้ fix ไวรัสต่างๆ ไว้ทั้งหมด


29. วิธีการลงโดยการคลิกที่ตัว fix.exe (ให้ลงทุกตัวถ้าไม่รู้ว่าติดตัวไหน)จากนั้นกด I Agree ดังรูป

30.  แล้วให้เลือกเฉพาะ Scan and Clean with Nod32 ออก  (ในการติดตั้งตัว fix ให้เลือกแค่ Scan and Clean with Nod32  ตัวนี้ออก ตัวอื่นให้คงไว้เหมือนเดิม)  จากนั้นกด Do in now

31. กรณีที่มี Drive ให้เลือก ให้ลง ตัว Fixตัวนั้น แล้ว fix ทุก Drive (ถ้ามี 2 Drive ให้ลง fix ตัวนั้น 2 ครั้ง เลือก C: และ D:  ถ้ามี 5 ก็ให้ลง 5 ครั้ง)  แล้วกด Ok

32. เมื่อ fix เสร็จแล้วให้ Close ออกได้เลย  ส่วนวิธี Scan Virus ให้ไปอ่านต่อวิธี Scan ไวรัสเข้าไปอ่านอีกขัวข้อ

วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

วิธีการติดตั้ง printer และการ share printer

วิธีการติดตั้ง printer และการ share printer


บทความนี้ป๋มขอแบ่ง เป็น 2 ส่วน ดังนี้
ส่วนที่ 1 เครื่อง Server (เครื่องแม่)เป็นเครื่องที่ต้องต่อกับ Printer โดยตรง  ซึ่งผมขอตั้งเป็น ชื่อ Server01 (ผมสมมุติขึ้นไม่ต้องตั้งตามก็ได้)
ส่วนที่ 2 เครื่อง Client  (เครื่องลูก)
**** หมายเหตุ ผมขอใช้เป็น เครื่อง server เนี่ยะหมายถึงเครื่องที่ต่อ กับ Printer นะครับไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องซื้อเครื่อง Server

เรามาเริ่มกันเลยดีกว่านะครับ ในส่วนที่ 1 เครื่อง Server (เครื่องแม่)
1.1 การ ติดตั้ง Printer
ก่อน อื่นเราจะต้องทำการติดตั้งเครื่อง Printer เสียก่อน บางท่านการติดตั้งเครื่อง Printer นั้นเป็นเรื่องง่าย  แต่ผู้คนบางกลุ่ม อาจจะไม่เคยติดตั้ง Printer เลย ดังนั้นผมจึงขอเสนอ ตั้งแต่เริ่มต้นทำการการติดตั้ง Printer
วิธีการติดตั้ง Printer
1.1.1 ให้คุณไปที่ Start >>> Setting >>> Printer and Faxes


1.1.2 เลือก Add Printer
1.1.3 คลิ๊ก Next

1.1.4 เลือกไปที่ Local printer attached this computer และเอาเครื่องหมายถูก ที่ Automatic detect and install my Plug and Play Printer ออก  จากนั้น คลิก Next
1.1.5 ในช่อง Use the following port เราสามารถเปลี่ยนเป็น port ที่เราต้องการได้ ในที่นี้ผมไม่เปลี่ยนนะครับ เลยจะได้เป็น LPT1 เหมือนในรูป จากนั้นคลิ๊ก Next นะครับ
1.1.6 ขั้นต่อมาจะเป็นการติดตั้ง Driver ให้กับเครื่อง Printer นะครับ ให้เราเลือกไปที่ Have Disk เพื่อทำการเลือก Driver ให้กับ Printer


1.1.7 เลือก ที่ Browse เพื่อหา Driver ให้กับเครื่อง Printer ซึ่งขึ้นอยู่กับของแต่ละคนว่าอยู่ที่ไหน แต่ส่วนมากจะอยู่ที่ Dive CD Rom ดังนั้น ให้ทำการ Browse ไปที่ Drive Cd Rom นะครับ


1.1.8  เมื่อเจอ Driver แล้ว ทำการ คลิก Next ได้เลยนะครับ

1.1.9 ตรง Printer Name เราสามารถเปลี่ยนชื่อได้ตามที่ต้องการนะครับ เมื่อได้ชื่อที่ต้องการ ให้ คลิก Next


1.2 การ Share Printer
1.2.1 หลังจากที่เราทำมาจนถึง ข้อ 1.1.9  ก็จะมาถึงหน้าที่ เราจะต้องทำการ Share Printer แล้วละครับ
ให้เราตั้งชื่อ เครื่อง Printer ที่เราต้องการ จะ Share ในช่อง Share Name จากนั้นคลิก Next


1.2.2 ตรง Location และ Comment นั้น คุณ จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ แต่ผมแนะนำให้ใส่ เกิดคุณมีเครื่อง Printer หลายตัว การตั้งชื่อและการ บอก Location จะทำให้คุณจดจำมันได้ง่าย
1.2.3 ในหน้าถัดมา มันจะเป็น หน้าทดสอบ การ Print เช่น กันจะทดสอบหรือไม่ก็ได้ 
ถ้าต้องการ ทดสอบ ให้ คลิกที่ Yes
ถ้าไม่ต้องการทดสอบให้คลิกที่ No
แต่แนะนำให้คลิกที่ Yes เพื่อทำหารทดสอบ เราจะได้รู้ว่า เครื่อง printer สามารถทำงานได้จริงหรือไม่ จากนั้นคลิก Next
1.2.4 เสร็จแล้วละครับ ให้เรา คลิ๊กที่ Finish ได้เลย

1.2.5 ให้เราเข้าไปดูใน Printer and Faxes อีกครั้ง โดยไปที่ Start >>> Setting >>> Printer and Faxes จะเห็นว่าเครื่อง Printer ที่เราเพิ่งได้ทำการติดตั้งไป มีลักษณะของการ Share แล้ว (เป็นรูปมือ)
จบในส่วนที่ 1 ซึ่งเป็นส่วนของ Server เครื่อง Printer แล้วครับ

ส่วนที่ 2 เครื่องลูกหรือเครื่อง Client

2.1 การ Add Printer
ทำได้ง่ายมากคับ ให้คุณไปที่ Start >>>>Run>>>>
2.2
พิมพ์ข้อความ ดังนี้ \\ชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์หรือip ของเครื่องที่เปิด Share print(เครื่อง Server ) เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งนะครับ
สมมุติว่าผมตั้งชื่อเครื่อง computer ที่เปิด Share Printer ชื่อว่า server01 มี Ip 192.168.0.1
ผมก็จะพิมพ์ข้อความลงไปดังนี้

\\server01
หรือ
\\192.168.0.1
2.3 จากนั้นเราจะเข้าสู่หน้าต่างของเครื่อง Server01 นะครับ
เราจะมองเห็นเครื่อง Printer ที่เครื่อง Server01 ทำการเปิด Share ไว้นะครับ (ที่เราติดตั้งไปในส่วนที่ 1)

2.4 ให้ไปคลิ๊กขวาที่เครื่อง Printer นะครับ จากนั้นเลือก Connect นะครับ และรอซักครู่นะครับ

2.5 ให้เราตรวจสอบอีกครั้งว่าเรา connect printer สำเร็จหรือไม่นะครับ
ไปที่ Start >>> Setting >>>Printer and Faxes เพื่อดูเครื่อง Printer ที่เรา Connect เข้ามา
2.6 ถ้าเห็นว่ามีชื่อเครื่อง Print ที่เราได้ Connect มาเมื่อกี้ก็แสดงว่าเราทำสำเร็จ !!!!
+++ดีใจด้วยนะครับ+++
2.7 ให้เราลอง Print เอกสารนะครับ
เปิดโปรแกรม Word หรือ อะไรก็ได้ที่ มันสามารถสั่ง Print ได้ ลองสั่ง print นะครับ ในกรณีที่คุณใช้โปรแกรม word ให้คุณไปที่ File>> Print >>> เราจะเห็นช่องแรกนะครับ คือช่อง Name ให้เราเลือกเป็นชื่อเครื่อง Printer ที่เราจะทำการสั่ง Print แล้วคลิ๊ก OK ครับ

รอกระดาษออก มา
เป็นอันจบสิ้นบท ความของ ผม
ใครมีปัญหาใดๆเกี่ยวกับ บท ความนี้ เข้ามาถามในกระกู้นี้นะครับ ผมจะเข้ามาดูเรื่อยๆ  ครั้งหน้าเราจะมาลองดูวิธีการ Share File หรือการใช้งาน ไฟล์ ร่วมกัน (เมื่อผมว่างนะครับ)